พัฒนาการของมนุษยชาติ
เรื่องราวของมนุษยชาติ เ มื่ อ ป ร ะ ม า ณ ส อ ง ล้ า น ปี ก่ อ น .......................
สิ่งที่เก่าแก่ที่สุดที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์เท่าที่มีหลักฐานในปัจจุบัน คือ โฮโม แฮบิลิส [ Homo Habilis ] ซึ่งพบในทวีปแอฟริกา
หลังจากนั้นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ผ่านพัฒนาการทางชีววิทยาตามลำดับ จนมาถึง โฮโม
ซาเปียนส์ [ Homo Sapiens] ซึ่งนับเป็นมนุษย์สมัยใหญ่รุ่นแรก
มีชีวิตอยู่ประมาณ ๓๐๐๐๐๐ ปีก่อน มานุษยวิทยาสันนิษฐานว่ามนุษย์โบราณเหล่านี้มีที่อาศัยกระจัดกระจาย
ในทวีปแอฟริกาและค่อยๆ อพยพมาทางตะวันออกจนถึงบางส่วนของทวีปเอเชีย
และต่อมาก็เคลื่อนย้ายไปยังยุโรปและออสเตรเลีย หรือมิฉะนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ได้พัฒนาขึ้นในภูมิภาคต่างๆของโลกในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
มนุษย์ยุคแรกดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์โดยใช้อาวุธหิน
รู้จักการใช้ประโยชน์จากไฟ และ สามารถติดต่อสื่อสารกันด้วยภาษาพูด
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พบจากยุคนี้
คือ
เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยหิน
และภาพเขียนสีตามผนังถ้ำและหน้าผา การที่มนุษย์ยุคนี้ใช้เครื่องมือที่ทำจากหิน
จึงเรียกยุคนี้ว่า ยุคหินเก่า อิทธิพลของสภาพแวดล้อมกับ....
การพัฒนาการของมนุษยชาติ เมื่อยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลงเมื่อประมาณ
๓๐๐๐๐ ปีมาแล้วธารน้ำแข็งค่อยๆละลาย
เริ่มจากตอนกลางของทวีปต่างๆขึ้นไปทางตอนเหนือบริเวณที่ธารน้ำแข็งละลายหมดไป
จะเกิดเป็นที่ราบและป่าโปร่ง เป็นที่อาศัยของสัตว์กินพืชขนาดใหญ่ เช่น แมมมอธ กวางเรนเดียร์ ควายป่า ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของมนุษย์สมัยนั้น แต่เนื่องจากบริเวณที่ราบเหล่านี้ยังมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น
ทำให้ต้องมีการประดิษฐ์เครื่องนุ่งห่ม
เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น มนุษย์จึงเริ่มตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยขนสัตว์ ธารน้ำแข็งที่ค่อยๆละลายถอยไปเรื่อยๆทำให้ที่ราบและป่าโปร่งแบบนี้ขยายตัวตามขึ้นไป ในขณะที่พื้นที่ตอนล่างๆลงมาซึ่งอยู่ห่างไกลจากธารน้ำแข็งมีสภาพอบอุ่นขึ้น และค่อยๆ กลายสภาพเป็นป่าทึบ
ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากน้ำแข็งที่ละลาย ทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งกลายเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล
สัตว์ฝูงใหญ่ที่อาศัยในภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าและป่าโปร่ง จำเป็นต้องอพยพไปทางเหนือและตะวันออกตามเส้นทางถดถอยของธารน้ำแข็ง
มนุษย์ที่ล่าสัตว์เหล่านี้เป็นอาหารส่วนหนึ่งก็อพยพติดตามไปด้วยในขณะเดียวกัน.......... ก็มีมนุษย์กลุ่มที่ไม่ได้อพยพตามไป ...................... ซึ่งมนุษย์กลุ่มนี้ก็ต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง !!!!!!
ในช่วงประมาณ
๑๐๐๐๐ ปีก่อนคริสตกาล สัตว์ใหญ่ที่เคยเป็นอาหารของมนุษย์ได้อพยพไปจากเอเชียตะวันตกเกือบหมด
มนุษย์ที่ยังอาศัยอยู่ในแถบนี้กลุ่มหนึ่งเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากอาหารทะเล
ได้ประดิษฐ์เรือแบบง่ายๆ พร้อมทั้งแห และเบ็ดตกปลา
ริมฝั่งทะเลบริเวณที่เหมาะกับการจอดเรือหลบพายุ
จึงกลายเป็นชุมชนอยู่กับที่ของกลุ่มชาวประมงยุคแรกขึ้น
ส่วนกลุ่มที่อยู่ลึกเข้ามาจากชายฝั่งก็ได้เปลี่ยนการหาอาหารจากการล่าสัตว์ใหญ่
มาเป็นการจับสัตว์น้ำและเก็บพืชผลไม้ที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ชีวิตเช่นนี้ทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น
จนในที่สุดก็มากเกินกว่าจะหาอาหารตามธรรมชาติได้เพียงพอ
การเริ่มต้นของเกษตรกรรม
และผลต่อพัฒนาการของมนุษย์
ประมาณ 8,000 – 6,500 ก่อนคริสตกาล
กลุ่มคนที่อาศัยบริเวณเทือกเขาตอนเหนือและตะวันออกของเมโสโปเตเมีย
ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ได้เริ่มเปลี่ยนจากการเก็บเกี่ยวข้าวป่าเป็นการเพาะปลูก พืชหลักที่ปลูก คือข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์ ในระยะแรกวิธีเพาะปลูกใช้วิธีเพาะปลูกใช้วิธี โค่นแล้วเผา ( Slash
and burn ) ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่แตกต่างจากการล่าสัตว์คือ
ขวาน สำหรับตัดต้นไม้ จอบสำหรับเกลี่ยใบไม้ และเคียวสำหรับเก็บเกี่ยว
จอบอาจทำจากไม้ และเคียวก็อาจดัดแปลงจากเครื่องมือที่ใช้ตัดแซะซากสัตว์
แต่ขวานนั้นต้องการความคมและแข็งแรงเพื่อฟันเอาไม้ หิน เหล็ก ไฟ ที่เคยใช้ทำธนู
และขวานหินล่าสัตว์นั้นเปราะเกินไปสำหรับงานเช่นนี้ หินที่มาแทนที่ คือ
หินอัคนีกับหินภูเขาไฟซึ่งมีเนื้อหินแข็งแกร่ง
ต้องใช้เวลาและกรรมวิธีการฝนขัดกว่าจะได้เป็นเครื่องมือที่ต้องการ
เครื่องมือเหล่านี้เองที่แบ่งแยกเป็นเครื่องมือ ยุคหินใหม่
เครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการเกษตร คือ
ตะกร้าและหม้อดินสำหรับเก็บข้าวเปลือกและข้าวของต่างๆ
รวมทั้งเก็บน้ำไว้ใช้ในที่อยู่อาศัยโดยไม่ต้องออกไปหาทุกครั้งที่ต้องการ
เมื่อไม่ต้องเคลื่อนย้ายถิ่นฐานบ่อยๆ คนกลุ่มนี้ก็ได้พัฒนาที่พักอาศัยจากถ้ำมาเป็นบ้านที่สร้างจากอิฐหรือดินเหนียว
มีการประดิษฐ์เครื่องมือชิ้นใหญ่ๆ เช่น เครื่องทอผ้า ผลิตภาชนะหุงต้มอาหาร
ตลอดจนพัฒนาวิธีปรุงอาหารเป็นการอบ และการต้มกลั่น
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันในดินแดนอื่น เช่น
ลุ่มน้ำสินธุของอินเดียโบราณและลุ่มน้ำหวางเหอของจีน ก็เริ่มมีการเกษตรกรรมซึ่งมีการพัฒนาการของตัวเองขึ้นกับสภาพภูมิอากาศ
และภูมิปะเทศของแต่ละพื้นที่
ซึ่งบางส่วนได้เคยกล่าวถึงแล้วในเรื่องพัฒนาการของสังคมมนุษย์ในภูมิภาคเอเชีย
โดยสรุปแล้ว
การเกษตรทำให้ผู้คนตั้งหลักแหล่งอยู่กับที่ ไม่เร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ เหมือนสมัยที่ล่าสัตว์ทำให้เกิดการรวมตัวกันเป็นชุมชน
มีการประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้ และก่อสร้างที่อยู่อาศัยถาวรขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น